Table of Contents
Google DeepMind ปล่อยของเล่นใหม่มาอีกแล้ว! 🔥 ชื่อว่า Antigravity เป็น Agentic development platform ตัวใหม่ที่น่าสนใจมาก ๆ เห็นแล้วต้องรีบมาแชร์เลย มีใครไปลองเล่นกันมาแล้วบ้าง?
🤔 มันคืออะไร? (So, What Exactly is Antigravity?)
Antigravity คือ IDE เต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่ plugin ที่เราติดตั้งเพิ่ม ตัว IDE run อยู่บนเครื่องเราแบบ local เลย (แต่ยังต้องต่อเน็ตเพื่อเรียกใช้ AI Model นะ) ที่สำคัญคือมันเป็น fork ของ VS Code ทำให้หน้าตาและฟีลลิ่งการใช้งานคุ้นเคยมาก ๆ แถมตอนเปิดครั้งแรกยัง import settings จาก VS Code หรือ Cursor มาได้เลย ไม่ต้องเริ่มใหม่
แต่หัวใจหลักของมันคือแนวคิดแบบ “agent-first” ทีมงานเบื้องหลังบอกว่าที่ตั้งชื่อ Antigravity ก็เพราะอยากให้การพัฒนา software โดยเฉพาะแบบ agentic development มัน “ไร้น้ำหนัก” (weightless) และใช้ง่ายที่สุด แทนที่เราจะคอยรับแค่ code completion จาก AI แต่ Antigravity จะให้เราทำงานร่วมกับ AI Agent เพื่อวางแผนและสร้าง software ทั้งชิ้นเลย เหมือนมี junior software developer เก่ง ๆ มาช่วยเราวางแผนและเขียนโค้ดให้จริง ๆ

✨ ต่างจาก Copilot / Cursor ยังไง? (How is it Different?)
Antigravity ไม่ได้มาแข่งเรื่อง code completion แต่พยายามเปลี่ยนวิธีที่เราทำงานกับ AI เลย จากการเป็น ‘นักบินผู้ช่วย’ (co-pilot) มาเป็นการสวมบทบาท ‘สถาปนิก’ (architect) ที่คอยคุมทีม agent

- Real Agents, Not Just Autocomplete ไม่ใช่แค่ช่วยเติมโค้ด แต่ Agent ของ Antigravity สามารถสร้างเอกสาร
implementation planเพื่อวางแผนงานทั้งหมด, เขียนโค้ดตามแผน, รันคำสั่งในterminalเพื่อติดตั้ง dependencies หรือ start server, และที่เด็ดสุดคือมันมีbrowserในตัวที่มันควบคุมได้เองเพื่อ ทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องของงานตัวเอง! (เวลา agent ใช้งาน browser จะมีขอบสีฟ้าเรืองแสงขึ้นมา) ซึ่งภาพ screenshot หรือวิดีโอ screen recording จาก browser นี่แหละ ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของรายงานwalkthroughทำให้เราเห็นภาพชัดเจนและเชื่อใจได้ว่า agent ทำอะไรไปบ้าง

- Asynchronous & Multi-Agent Workflow Antigravity มีสิ่งที่เรียกว่า “Agent Manager” ที่ทำงานเหมือน inbox อีเมลเลย เราสามารถสั่งงาน agent หลาย ๆ ตัวให้ทำงานพร้อมกันได้แบบขนาน (parallel) จะเป็นคนละ task หรือจะให้ทำ คนละ project ไปเลยก็ได้ เราแค่สั่งงานทิ้งไว้ (fire and forget) แล้วก็หันไปโฟกัสงานอื่นต่อได้เลย agent จะทำงานของมันไปใน background จัดการ project หลาย ๆ อย่างได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว
- Full Transparency & Collaboration ทุกอย่างที่ agent ทำจะถูกบันทึกเป็น “Artifacts” ไม่ว่าจะเป็น
implementation planที่ละเอียดมาก ๆ หรือรายงานสรุปงานหลังทำเสร็จที่เรียกว่าwalkthroughจุดที่สำคัญมากคือ เราสามารถเข้าไปตรวจแผนงาน (plan) และใส่ comment เพื่อปรับแก้หรือให้แนวทางเพิ่มเติมได้ ก่อนที่ agent จะเริ่มเขียนโค้ด เหมือนเรากำลังทำ code review กับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นคนจริง ๆ

ด้วยความสามารถในการทำงานเบื้องหลังแบบนี้ ทำให้ Antigravity ตอบโจทย์ Devs ที่มีสไตล์การทำงานต่างกันมาก
🎯 เหมาะกับใครบ้าง? (Who is This For?)
- 🧑💻 สำหรับ Solo Devs และ Startup Founders การสั่ง agent หลาย ๆ ตัวให้ทำงานพร้อมกันได้แบบ asynchronous ถือเป็น productivity boost มหาศาล เหมือนเรามีทีมผู้ช่วยคอยทำ research, แก้บั๊ก, หรือสร้างฟีเจอร์เล็ก ๆ ให้ใน background ในขณะที่เราสามารถโฟกัสกับงาน architect หรือ business logic หลักได้เต็มที่
- 🎓 สำหรับผู้เริ่มต้นและ New Devs Artifacts อย่าง
implementation planและwalkthroughเป็นเครื่องมือเรียนรู้ชั้นยอดเลย มันทำให้เราเห็นกระบวนการคิดและวางแผนทั้งหมดแบบ step-by-step ว่ากว่าจะมาเป็นโค้ดได้ AI มันวางแผนและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนยังไง ถือเป็นการเรียนรู้จาก best practice ของ AI ได้ดีมาก
⚠️ ข้อควรรู้และสิ่งที่ต้องจับตา (Heads-Up & Things to Watch)
- Credit ของ Free Preview มีจำกัดมาก อันนี้ต้องบอกกันตรง ๆ ตัว Free Preview ตอนนี้มี credit ให้ค่อนข้างจำกัดมาก ๆ หลายคนใน community เจอปัญหาใช้ได้ไม่กี่ prompt ก็หมดแล้ว และยังไม่มีช่องทางให้จ่ายเงินเพิ่มด้วย อาจจะต้องรอ Plan แบบเสียเงินออกมา
- เป็น VS Code Fork ที่มีข้อแม้ แม้จะเป็น fork ของ VS Code แต่ Antigravity ใช้ Extension Marketplace ของ Open VSX ไม่ใช่ของ Microsoft โดยตรง แปลว่า extension บางตัวอาจจะไม่มี, เป็นเวอร์ชันเก่า, หรืออาจมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยได้ เป็นจุดที่ต้องพิจารณาเลยสำหรับคนที่พึ่งพา extension เยอะ ๆ
📝 ข้อมูลสำคัญ (The Essentials)
- สถานะตอนนี้เป็น Free Public Preview
- ใช้ได้ทั้งบน Windows, macOS, และ Linux
- เบื้องหลังใช้โมเดล Gemini 3 Pro (และทีมงานบอกว่าอนาคตจะรองรับโมเดลอื่น ๆ อย่าง Claude และอาจรวมถึงโมเดลจาก OpenAI ด้วย)